Yes I know. At our pet dogs, cats, birds, or whether we fed the animals with hair falling down to the ground everywhere. If
we did not nick it, it would be difficult to keep it in place, it
should be even with the cage is that hair is not falling down. We need to clean it. But today we have a clean home with pets. I called a friend that you can solve problems of wool, of course I do not.
Robot vacuum cleaner
Of course nowadays we have a robot vacuum cleaner. Improved and developed for pet fur hood especially. The technology is designed to effectively absorb the fur farming. And prevent pet fur wrapped around the brush of the vacuum cleaner as well. Reduce maintenance down. It also helps to maintain performance. Vacuum You do not have to comb my hair in the brush. Vacuum Cleaner should have a HEPA filter, the standard filter used in the present Helps capture tiny particles from the skin of the pet. Allergens. And prevent spread of dust in the air. I must say that this is extremely important. Especially if you have a friend or Family
members with allergies or asthma, then the HEPA filter will help ensure
that we have a dust filter before or after cleaning or not.
Vacuum cleaner robot. We will clean your dog or cat likes to sleep on the floor niche carpet stairs or traditional home vacuum cleaner robot. It also allows you to restrict access to vacuum cleaners as well as protective equipment. To stay away from food and water dishes for your pet, etc.
This time, no matter where your home will have to be a beloved pet. So do not worry. About cleaning it. If there is dirt or hair from falling out with your pet. We also use this robot vacuum. The cleaning of our folk. Back to the original post.
How to clean homes with pets.
เขียนโดย
Unknown
on วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ป้ายกำกับ:
HEPA,
Home and Family,
Vacuum Cleaner
/
Comments: (0)
Most expensive dog in the world 1 million pounds.
เขียนโดย
Unknown
ป้ายกำกับ:
Big Splash,
dog,
Pets and Animals,
Red Tibetan Mastiff
/
Comments: (0)
If you see this do not have to shout loud dogs because the price is very expensive to do this. The most expensive dog in the world named. The Big Splash. Or the name of China's Dong Feng which are just 11 months. The Big Splash. This dog Red Tibetan Mastiff. The owner of a wealthy Chinese man was selling out to 1 million pounds by the one you want to buy out a friend Would be very rich indeed.
Reported. I will not commit to buy. The Big Splash. This large house to be prepared for it. Because these dogs. When it's fully grown. The body weight of 130 kg, and the need in each meal and eat it, too. That would have cost much more because of the big splash. Complete the development of the species. As a result of its high price as well. Previously it was the same dog. The Big Splash. Expensive before the Big Splash as well.
The dog Red Tibetan Mastiff are native. The Chinese believed that the symbol of the Holy Trinity. The variety Red Tibetan Mastiff are native. Red is the lucky color for the Chinese. It is believed that it is the animals that make a fortune. Rich to feed it. It also helps to raise healthy and well. Another belief is. Tibetan dog has the soul of a priest who is not strong enough to return to the human or Samsung Karbala. Kingdom of Heaven. King in the past, it was a dog of this breed, whether it is Queen Victoria. King George of England and the fourth emperor Genghis Khan. I've been breeding dogs as well. Why does it not surprise me that it's not so cool. Wealthy people who love animals like dogs, then put it into a bag with a little detergent to it.
Reported. I will not commit to buy. The Big Splash. This large house to be prepared for it. Because these dogs. When it's fully grown. The body weight of 130 kg, and the need in each meal and eat it, too. That would have cost much more because of the big splash. Complete the development of the species. As a result of its high price as well. Previously it was the same dog. The Big Splash. Expensive before the Big Splash as well.
The dog Red Tibetan Mastiff are native. The Chinese believed that the symbol of the Holy Trinity. The variety Red Tibetan Mastiff are native. Red is the lucky color for the Chinese. It is believed that it is the animals that make a fortune. Rich to feed it. It also helps to raise healthy and well. Another belief is. Tibetan dog has the soul of a priest who is not strong enough to return to the human or Samsung Karbala. Kingdom of Heaven. King in the past, it was a dog of this breed, whether it is Queen Victoria. King George of England and the fourth emperor Genghis Khan. I've been breeding dogs as well. Why does it not surprise me that it's not so cool. Wealthy people who love animals like dogs, then put it into a bag with a little detergent to it.
วิธีการทำความสะอาดบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง
เขียนโดย
Unknown
on วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ป้ายกำกับ:
เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์,
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาด,
อุกรณ์ทำความสะอาด
/
Comments: (0)
เบื่อใช่ไหมครับ เวลาสัตว์เลี้ยง ของเรา ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว นก หรือสัตว์ที่เราเลี้ยงอยู่นั้น มีขนหลุดล่วง หล่นลงตามพื้นเต็มไปหมด ถ้าเราไม่ได้ทำกรงขังเอาไว้แล้วก็คงจะยากที่จะให้มันอยู่ในที่ๆ มันควรจะอยู่ ถึงแม้จะมีกรงขังก็ใช่ว่าขนจะไม่หลุดล่วงลงมา ให้เราต้องคอยทำความสะอาดอีก แต่วันนี้เรามีวิธีการทำความสะอาดบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง มาฝากเพื่อนๆกันครับ เรียกได้ว่า แก้ปัญหาเรื่องขนสัตว์ของเพื่อนๆ ได้แน่นอน มาดูกันเลยครับ
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาด
แน่นอนครับสมัยนี้เรามีหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นสำหรับดูดขนสัตว์เลี้ยงมาโดยเฉพาะ ใช้เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาให้ดูดขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้ขนสัตว์เลี้ยงเข้าไปพันอยู่รอบๆหัวแปรงของเครื่องดูดฝุ่นอีกด้วย ทำให้ช่วยลดการบำรุงรักษาลงไปด้วย แถมยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของ เครื่องดูดฝุ่น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องคอยสางขนแปรงอยู่เรื่อยๆ เครื่องดูดฝุ่น (Vacuum Cleaner) ควรมีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งเป็นมาตรฐานแผ่นกรองที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน จะช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็กจากผิวหนังของสัตว์เลี้ยง สารก่อภูมิแพ้ และฝุ่นไม่ให้แพร่กระจายไปในอากาศได้ เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าคุณมีเพื่อนหรือ สมาชิกในครอบครัวที่เป็นภูมิแพ้หรือหืดหอบด้วยแล้ว เจ้าแผ่นกรอง HEPA นี้จะช่วยตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผ่นกรองของเรามีฝุ่นละอองก่อนหรือหลังทำความสะอาดหรือไม่
เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ จะช่วยทำความสะอาดบริเวณสุดโปรดที่สุนัขหรือแมวชอบไปนอนตามพื้นพรม พื้นบ้าน ซอกบันได หรือหน้าบ้าน เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์นี้ ยังช่วยให้คุณสามารถจำกัดพื้นที่ในการดูดฝุ่นได้อีกด้วย เช่น ป้องกันอุปกรณ์ ให้อยู่ห่างจากอาหารและจานใส่น้ำของสัตว์เลี้ยงของคุณ เป็นต้น
คราวนี้ไม่ว่าที่บ้านของคุณจะมีสัตว์เลี้ยงแสนรักกี่ตัวก็ตาม จึงไม่ต้องกังวลใจเลย กับเรื่องทำความสะอาดแล้วล่ะ เพราะหากมีคราบสกปรกหรือขนที่หลุดล่วงออกมาจากสัตว์เลี้ยงด้วยแล้ว เราก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์นี้ มาทำความสะอาดพื้นบ้านของเรา ให้กลับมาเป็นดังเดิมได้เลยครับ
Cyber Monday Dyson DC25 Animal Dyson DC25 Animal Dyson DC25 Animal Reviews Dyson DC25 Animal 2012 Black Friday Dyson DC25 Animal Reviews Christmas Dyson DC25 Animal
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาด
แน่นอนครับสมัยนี้เรามีหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นสำหรับดูดขนสัตว์เลี้ยงมาโดยเฉพาะ ใช้เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาให้ดูดขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้ขนสัตว์เลี้ยงเข้าไปพันอยู่รอบๆหัวแปรงของเครื่องดูดฝุ่นอีกด้วย ทำให้ช่วยลดการบำรุงรักษาลงไปด้วย แถมยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของ เครื่องดูดฝุ่น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องคอยสางขนแปรงอยู่เรื่อยๆ เครื่องดูดฝุ่น (Vacuum Cleaner) ควรมีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งเป็นมาตรฐานแผ่นกรองที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน จะช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็กจากผิวหนังของสัตว์เลี้ยง สารก่อภูมิแพ้ และฝุ่นไม่ให้แพร่กระจายไปในอากาศได้ เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าคุณมีเพื่อนหรือ สมาชิกในครอบครัวที่เป็นภูมิแพ้หรือหืดหอบด้วยแล้ว เจ้าแผ่นกรอง HEPA นี้จะช่วยตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผ่นกรองของเรามีฝุ่นละอองก่อนหรือหลังทำความสะอาดหรือไม่
เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ จะช่วยทำความสะอาดบริเวณสุดโปรดที่สุนัขหรือแมวชอบไปนอนตามพื้นพรม พื้นบ้าน ซอกบันได หรือหน้าบ้าน เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์นี้ ยังช่วยให้คุณสามารถจำกัดพื้นที่ในการดูดฝุ่นได้อีกด้วย เช่น ป้องกันอุปกรณ์ ให้อยู่ห่างจากอาหารและจานใส่น้ำของสัตว์เลี้ยงของคุณ เป็นต้น
คราวนี้ไม่ว่าที่บ้านของคุณจะมีสัตว์เลี้ยงแสนรักกี่ตัวก็ตาม จึงไม่ต้องกังวลใจเลย กับเรื่องทำความสะอาดแล้วล่ะ เพราะหากมีคราบสกปรกหรือขนที่หลุดล่วงออกมาจากสัตว์เลี้ยงด้วยแล้ว เราก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์นี้ มาทำความสะอาดพื้นบ้านของเรา ให้กลับมาเป็นดังเดิมได้เลยครับ
Cyber Monday Dyson DC25 Animal Dyson DC25 Animal Dyson DC25 Animal Reviews Dyson DC25 Animal 2012 Black Friday Dyson DC25 Animal Reviews Christmas Dyson DC25 Animal
ตัวนี้ละเขาเรียกกันว่า เฟอเรท
เขียนโดย
Unknown
on วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ป้ายกำกับ:
เฟอเรท,
เฟอเรท (Ferret),
สัตว์เลี้ยงน่ารัก,
Ferret
/
Comments: (0)
ตัวนี้ละเขาเรียกกันว่า เฟอเรท
สำหรับผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักด้วยแล้ว คงจะเคยเห็นเจ้าตัวนี้ จากในรูป สัตว์เลี้ยงตัวนี้ มีชื่อว่า เฟอเรท (Ferret) ครับ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Mustela putorious Furo เป็นสัตว์ที่กินเนื้อขนาดเล็กชนิดหนึ่งในตระกูลของโพลแคท (polecat) ซึ่งได้แก่ สกั๊งค์ แบดเจอร์ มิงค์หรือตัวโวลเวอรีเนส และอีกหลายชนิดด้วยกัน เราจะพบสัตว์พวกนี้มากในแถบทวีปยุโรป, อเมริกา
เฟอเรท (Ferret) นี้จะมีลำตัวยาวหลังโค้ง มีขนปกคลุมตามลำตัว หางจะมีขนเป็นพวง และขนจะมีหลายสีตามสายพันธุ์ ถ้าเป็นเพศผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย โดยเจ้า เฟอเรท นี้จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 6 - 11 ปีเท่านั้น พร้อมสืบพันธุ์ได้เมื่ออายุ 6 - 8 เดือนขึ้นไป แถมยังมีลูกได้ปีละ 1 - 2 ครอกเอง น้ำหนักเฉลี่ยของมันจะอยู่ที่ 7 ขีด – 2 กิโลกรัม แต่จะมีกลิ่นสาปเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสัตว์ขี้เทราอยู่เหมือนกันเพราะมันจะใช้เวลาในการนอนหลับมากถึง 8 -16 ชม.ต่อวัน
เฟอเรท มีจุดเด่นของมัน อยู่ตรงที่ลักษณะนิสัยและรูปร่างหน้าตาที่น่ารัก ขี้เล่น ซุกซนชอบขุดคุ้ยและชอบสำรวจ เป็นเอกลักษณ์ แม้มันจะไม่ฉลาดเท่าสุนัขหรือแมวก็ตาม แต่มันก็มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว จากสัตว์ป่ามาเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเจ้าเฟอเรทสายพันธ์ดั้งเดิมนั้น เรียกกันว่า แบลคฟุต (Black-foot ferret) มันจะอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าละเมาะในทวีปอเมริกา สถานภาพของเฟอเรทแบลคฟุตนี้ได้จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธ์ด้วย และจัดอยู่ในรายชื่อของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ไกล้จะสูญพันธุ์หรือไซเตส (CITES)
เชื่อกันว่ามนุษย์เราได้นำเจ้าเฟอเรท พวกนี้มาเลี้ยงกันตั้งแต่ ในสมัยโกรีกและโรมัน ด้วยความฉลาดแกมโกง ว่องไวปราดเปรียว และยังสามารถฝึกให้เชื่องได้ จึงนิยมนำมาเลี้ยงไว้ใช้ล่าสัตว์ขนาดเล็กๆ เช่น หนู กระรอก กระต่าย นกกระทาหรือนกพงหญ้าต่างๆ นิยมนำมาเลี้ยงเพื่อช่วยกำจัดศัตรูพืชในสวนและไร่นา และส่วนหนึ่งก็จะนำ Ferret มาเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นในบ้าน บางกลุ่มนิยมเลี้ยงเอาไว้เพื่อทำเป็นเสื้อขนสัตว์ ในสหรัฐฯ เองก็มีชมรมชื่อว่า AFA (Amarican Ferret Association) อีกด้วย ซึ่งเป็นมูลนิธิให้การช่วยเหลือเฟอเรทที่ถูกทอดทิ้งรวมถึงอนุรักษ์พันธุ์เฟอเรทดั้งเดิมไม่ให้สูญพันธุ์ ไป
ไม่แปลใจเลยที่ในต่างประเทศเฟอเรทเป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมเลี้ยงเป็นอย่างมาก บางแห่งมีการจัดแข่งขันประกวดความสวยงามของแต่ละฟาร์มเลยทีเดียว และมีกิจกรรมของชมรมคนเลี้ยงเฟอเรทเกิดขึ้นทุกๆปี สำหรับในประเทศไทยเรานั้น เฟอเรทได้นำเข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามซึ่งก็ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากกลุ่มผู้นิยมสัตว์ต่างถิ่นหรือสัตว์แปลกๆ (Exotic Pet) โดยนำเข้ามาจากทาง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ และฮอลแลนด์ เฟอเรทยังคงต้องอาศัยการนำเข้ามาจากต่างประเทศเพราะปริมาณยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดของบ้านเรา ส่วนกลุ่มคนเลี้ยงในเมืองไทยก็เพิ่มมากขึ้น
สัตว์เลี้ยงที่ชื่อว่า เฟอเรท (Ferret) นี้ใครที่ชอบสัตว์เลี้ยงแปลกๆ น่ารักๆ ก็คงอยากจะมีไว้เลี้ยงสักตัวใช่ไหมครับ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 5,000 - 7,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่สูงพอสมควร อาจจะต้องไปหาซื้อที่จตุจักรที่เป็นแหล่งขายสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ใครที่อยากมีเพื่อนตัวน้อยๆ น่าจะลองเลี้ยงเจ้าเฟอเรทนี้ดูกันนะครับ
สำหรับผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักด้วยแล้ว คงจะเคยเห็นเจ้าตัวนี้ จากในรูป สัตว์เลี้ยงตัวนี้ มีชื่อว่า เฟอเรท (Ferret) ครับ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Mustela putorious Furo เป็นสัตว์ที่กินเนื้อขนาดเล็กชนิดหนึ่งในตระกูลของโพลแคท (polecat) ซึ่งได้แก่ สกั๊งค์ แบดเจอร์ มิงค์หรือตัวโวลเวอรีเนส และอีกหลายชนิดด้วยกัน เราจะพบสัตว์พวกนี้มากในแถบทวีปยุโรป, อเมริกา
เฟอเรท (Ferret) นี้จะมีลำตัวยาวหลังโค้ง มีขนปกคลุมตามลำตัว หางจะมีขนเป็นพวง และขนจะมีหลายสีตามสายพันธุ์ ถ้าเป็นเพศผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าเพศเมีย โดยเจ้า เฟอเรท นี้จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 6 - 11 ปีเท่านั้น พร้อมสืบพันธุ์ได้เมื่ออายุ 6 - 8 เดือนขึ้นไป แถมยังมีลูกได้ปีละ 1 - 2 ครอกเอง น้ำหนักเฉลี่ยของมันจะอยู่ที่ 7 ขีด – 2 กิโลกรัม แต่จะมีกลิ่นสาปเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสัตว์ขี้เทราอยู่เหมือนกันเพราะมันจะใช้เวลาในการนอนหลับมากถึง 8 -16 ชม.ต่อวัน
เฟอเรท มีจุดเด่นของมัน อยู่ตรงที่ลักษณะนิสัยและรูปร่างหน้าตาที่น่ารัก ขี้เล่น ซุกซนชอบขุดคุ้ยและชอบสำรวจ เป็นเอกลักษณ์ แม้มันจะไม่ฉลาดเท่าสุนัขหรือแมวก็ตาม แต่มันก็มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว จากสัตว์ป่ามาเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเจ้าเฟอเรทสายพันธ์ดั้งเดิมนั้น เรียกกันว่า แบลคฟุต (Black-foot ferret) มันจะอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าละเมาะในทวีปอเมริกา สถานภาพของเฟอเรทแบลคฟุตนี้ได้จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธ์ด้วย และจัดอยู่ในรายชื่อของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ไกล้จะสูญพันธุ์หรือไซเตส (CITES)
เชื่อกันว่ามนุษย์เราได้นำเจ้าเฟอเรท พวกนี้มาเลี้ยงกันตั้งแต่ ในสมัยโกรีกและโรมัน ด้วยความฉลาดแกมโกง ว่องไวปราดเปรียว และยังสามารถฝึกให้เชื่องได้ จึงนิยมนำมาเลี้ยงไว้ใช้ล่าสัตว์ขนาดเล็กๆ เช่น หนู กระรอก กระต่าย นกกระทาหรือนกพงหญ้าต่างๆ นิยมนำมาเลี้ยงเพื่อช่วยกำจัดศัตรูพืชในสวนและไร่นา และส่วนหนึ่งก็จะนำ Ferret มาเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นในบ้าน บางกลุ่มนิยมเลี้ยงเอาไว้เพื่อทำเป็นเสื้อขนสัตว์ ในสหรัฐฯ เองก็มีชมรมชื่อว่า AFA (Amarican Ferret Association) อีกด้วย ซึ่งเป็นมูลนิธิให้การช่วยเหลือเฟอเรทที่ถูกทอดทิ้งรวมถึงอนุรักษ์พันธุ์เฟอเรทดั้งเดิมไม่ให้สูญพันธุ์ ไป
ไม่แปลใจเลยที่ในต่างประเทศเฟอเรทเป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมเลี้ยงเป็นอย่างมาก บางแห่งมีการจัดแข่งขันประกวดความสวยงามของแต่ละฟาร์มเลยทีเดียว และมีกิจกรรมของชมรมคนเลี้ยงเฟอเรทเกิดขึ้นทุกๆปี สำหรับในประเทศไทยเรานั้น เฟอเรทได้นำเข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามซึ่งก็ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากกลุ่มผู้นิยมสัตว์ต่างถิ่นหรือสัตว์แปลกๆ (Exotic Pet) โดยนำเข้ามาจากทาง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ และฮอลแลนด์ เฟอเรทยังคงต้องอาศัยการนำเข้ามาจากต่างประเทศเพราะปริมาณยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดของบ้านเรา ส่วนกลุ่มคนเลี้ยงในเมืองไทยก็เพิ่มมากขึ้น
สัตว์เลี้ยงที่ชื่อว่า เฟอเรท (Ferret) นี้ใครที่ชอบสัตว์เลี้ยงแปลกๆ น่ารักๆ ก็คงอยากจะมีไว้เลี้ยงสักตัวใช่ไหมครับ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 5,000 - 7,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่สูงพอสมควร อาจจะต้องไปหาซื้อที่จตุจักรที่เป็นแหล่งขายสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ใครที่อยากมีเพื่อนตัวน้อยๆ น่าจะลองเลี้ยงเจ้าเฟอเรทนี้ดูกันนะครับ
เคล็ดลับการเลี้ยงลูกสุนัขบางแก้ว
เขียนโดย
Unknown
on วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ป้ายกำกับ:
เคล็ดลับการเลี้ยงลูกสุนัข,
วิธีเลี้ยงลูกสุนัข,
สุนัขพันธุ์บางแก้ว
/
Comments: (0)
เคล็ดลับในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้ว ที่เป็นสุนัขพันธุ์ไทยนี้ ต้องบอกว่าตอนเด็กๆ ลูกสุนัขบางแก้ว จะน่ารักมาก ใครที่เคยเลี้ยงคงจะทราบถึงความน่ารักของสุนัขบางแก้วนี้ดี เพราะเป็นสุนัขที่รักเจ้าของ แต่เมื่อโตขึ้นอาจจะทำให้สุนัขบางแก้วที่มีนิสัยน่ารักนี้ มีความดุเกิดขึ้นได้ ด้วยการที่มีสายพันธุ์ และความรักในตัวเจ้าของ เรามาดูเคล็ดลับการเลี้ยงลูกสุนัขบางแก้ว ว่าจะมีวิธีเลี้ยงอย่างไรกันบ้าง มาเลยครับ
1. การดูแลเรื่องสภาพแวดล้อม ถ้าใครที่คิดจะเลี้ยง สุนัขบางแก้ว แล้วควรเริ่มจากการได้มีโอกาสใกล้ชิดกับมัน และหาอนาเขตบริเวณที่เลี้ยงให้ใกล้ชิดกับครอบครัวของเรามากที่สุด เพื่อจะได้ทำความคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็กๆ สุนัขพันธุ์บางแก้วที่เติบโตด้วยความใกล้ชิดจะเกิด ความเคยชิน เลยทำให้เราต้องเลี้ยงและดูแลกับมันให้เป็นนิสัยเป็นประจำ โดยควรให้อยู่ในบริเวณบ้าน ที่เราได้เตรียมเอาไว้
2. การดูแลเรื่องความสะอาด สิ่งสกปรกที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ เราควรจะมีการทำความสะอาดให้มันเป็นประจำทุกวัน เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้จะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่เกิดขึ้นมาได้ง่ายๆ อาจจะใช้การราดพื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคด้วยจะเป็นการดีอย่างยิ่ง เพราะสามาระฆ่าเชื้อที่มีได้แล้ว ยังสามารถช่วยดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย ทำให้สุขภาพลูกหมาบางแก้วแข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้นได้
3. การดูแลเรื่องลม แดด ฝน บริเวณที่อยู่ของลูกหมาบางแก้ว อย่างที่บอกการให้อยู่ในบริเวณบ้านเราควรให้มันมีแดดส่องในตอนเช้า เพราะแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค และควรให้มีอากาศถ่ายเทได้ดี แต่ต้องไม่มีลมโกรก ฝนสาด เพราะจะทำให้ลูกหมาไม่สบายได้ ถ้าเราทำบ้านสุนัขให้มันอยู่ก็ควรดูแล เรื่องลม แดด ฝน ให้มันด้วย
4. การดูแลเรื่องการให้อาหาร ปกติแล้ว ลูกหมา นั้นมักจะกินเก่งและจุ ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเร็วมาก เพราะอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ ดังนั้น อาจจะต้องควบคุมอาหารเสียหน่อย เพื่อให้ ลูกบางแก้ว นี้มีสุขภาพแข็งแรง ควรให้อาหารเป็นมื้อคือ เพื่อที่จะสามารถสังเกตได้ว่าลูกหมาป่วยหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วถ้าลูกสุนัขป่วย จะกินอาหารน้อยลง หรือไม่กินเลย เป็นการช่วยให้มีการฝึกกินอาหารให้เป็นเวลาอีกด้วย ยิ่งเป็นอาหารสำเร็จรูปก็จะช่วยให้มันมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
การเลี้ยง ลูกสุนัขบางแก้ว ก็ไม่ต่างจากการเลี้ยงสุนัขทั่วๆ ไปเท่าไหร่ คนที่รักสุนัขจะมีความรักต่อลูกสุนัขเหมือนกับมีมิตรอยู่ในบ้าน ดังนั้นถ้าเราให้ความรัก ทะนุถนอมมัน ให้ที่พัก ให้อาหาร และดูแลมันอย่างใกล้ชิด สุนัขบางแก้วจะโตมาด้วย ความรักเจ้าของ แล้วมันจะมีนิสัยน่ารักแบบนี้ไปอีกนาน เท่านานเลยครับ
1. การดูแลเรื่องสภาพแวดล้อม ถ้าใครที่คิดจะเลี้ยง สุนัขบางแก้ว แล้วควรเริ่มจากการได้มีโอกาสใกล้ชิดกับมัน และหาอนาเขตบริเวณที่เลี้ยงให้ใกล้ชิดกับครอบครัวของเรามากที่สุด เพื่อจะได้ทำความคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็กๆ สุนัขพันธุ์บางแก้วที่เติบโตด้วยความใกล้ชิดจะเกิด ความเคยชิน เลยทำให้เราต้องเลี้ยงและดูแลกับมันให้เป็นนิสัยเป็นประจำ โดยควรให้อยู่ในบริเวณบ้าน ที่เราได้เตรียมเอาไว้
2. การดูแลเรื่องความสะอาด สิ่งสกปรกที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ เราควรจะมีการทำความสะอาดให้มันเป็นประจำทุกวัน เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้จะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่เกิดขึ้นมาได้ง่ายๆ อาจจะใช้การราดพื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคด้วยจะเป็นการดีอย่างยิ่ง เพราะสามาระฆ่าเชื้อที่มีได้แล้ว ยังสามารถช่วยดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย ทำให้สุขภาพลูกหมาบางแก้วแข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้นได้
3. การดูแลเรื่องลม แดด ฝน บริเวณที่อยู่ของลูกหมาบางแก้ว อย่างที่บอกการให้อยู่ในบริเวณบ้านเราควรให้มันมีแดดส่องในตอนเช้า เพราะแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค และควรให้มีอากาศถ่ายเทได้ดี แต่ต้องไม่มีลมโกรก ฝนสาด เพราะจะทำให้ลูกหมาไม่สบายได้ ถ้าเราทำบ้านสุนัขให้มันอยู่ก็ควรดูแล เรื่องลม แดด ฝน ให้มันด้วย
4. การดูแลเรื่องการให้อาหาร ปกติแล้ว ลูกหมา นั้นมักจะกินเก่งและจุ ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเร็วมาก เพราะอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ ดังนั้น อาจจะต้องควบคุมอาหารเสียหน่อย เพื่อให้ ลูกบางแก้ว นี้มีสุขภาพแข็งแรง ควรให้อาหารเป็นมื้อคือ เพื่อที่จะสามารถสังเกตได้ว่าลูกหมาป่วยหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วถ้าลูกสุนัขป่วย จะกินอาหารน้อยลง หรือไม่กินเลย เป็นการช่วยให้มีการฝึกกินอาหารให้เป็นเวลาอีกด้วย ยิ่งเป็นอาหารสำเร็จรูปก็จะช่วยให้มันมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
การเลี้ยง ลูกสุนัขบางแก้ว ก็ไม่ต่างจากการเลี้ยงสุนัขทั่วๆ ไปเท่าไหร่ คนที่รักสุนัขจะมีความรักต่อลูกสุนัขเหมือนกับมีมิตรอยู่ในบ้าน ดังนั้นถ้าเราให้ความรัก ทะนุถนอมมัน ให้ที่พัก ให้อาหาร และดูแลมันอย่างใกล้ชิด สุนัขบางแก้วจะโตมาด้วย ความรักเจ้าของ แล้วมันจะมีนิสัยน่ารักแบบนี้ไปอีกนาน เท่านานเลยครับ
รู้หรือไม่ แมวก็มีความลับที่คุณอาจจะไม่รู้เหมือนกัน
เขียนโดย
Unknown
on วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ป้ายกำกับ:
ความลับของแมว,
แมวมีความลับ,
เรียนรู้ความลับแมว
/
Comments: (0)
รู้หรือไม่ แมวก็มีความลับที่คุณอาจจะไม่รู้เหมือนกัน ???
เพื่อนๆที่ชอบแมว หรือเลี้ยงแมวเป็นชีวิตจิตใจแล้ว เคยสังเกตุอาการ หรือ เรียนรู้พฤติกรรม ของแมวหรือไม่ครับ หลังจากที่เคยพูดถึงเรื่อง วิธีเรียนรู้พฤติกรรมและลักษณะของแมว ไปแล้ว วันนี้จะมาเสริมต่อในเรื่องของ รู้หรือไม่ แมวก็มีความลับที่คุณอาจจะไม่รู้เหมือนกัน เรามาเรียนรู้ด้วยกันเลยครับ ว่าแมวมีความลับอะไรไม่บอกเราบ้าง
1. การที่เราเชื่อว่าแมวจะขโมยลมหายใจของทารก ในความเป็นจริงแล้ว ต้องบอกว่าแมวไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ กับทารกของคุณหรอกหรือเจตนาไม่ดีกับใครเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ว่าพวกมันชอบหาที่อบอุ่นๆ และสบายๆ นอนก็เท่านั้นเอง เชื่อหรือไม่ว่าลมหายใจของทารกเป็นอุณหภูมิที่แมวต้องการพอดี ดังนั้นเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้แมวชอบเข้าไปคลุกคลีกับทารกอยู่บ่อยๆ เท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้คุณก็ไม่ควรให้แมวเข้าใกล้ทารกของคุณมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้เด็กติดเชื้อโรค หรืออาจจะทำให้ทารกเกิดภูมิแพ้ขึ้นมาก็ได้
2. การที่เชื่อว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเลี้ยงแมว การที่ผู้หญิงตั้งครรภ์นั้นไม่ควรสัมผัสตัวแมว หรือทำอะไรเกี่ยวกับแมวบ่อยนัก ก็เพราะว่าอาจจะทีโอกาสติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสจากแมวได้ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก ซึ่งหากทารกติดเชื้อก็อาจจะทำเกิดอาการสมองบวมน้ำ ประสาทตาอักเสบ หรืออารมณ์ผิดปกติ เป็นอันตรายได้เหมือนกัน ฉะนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวแมว และของใช้ที่เกี่ยวกับแมวทั้งหมดเลยจะดีกว่า
3. การที่เชื่อว่าแมวดำคือสัญลักษณ์ของความโชคร้าย แปลกมากเพราะจากผลการสำรวจผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ในปี 2000 พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่ เกิดจากการสัมผัสกับแมวสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมากกว่าแมวขนสีอ่อนๆ ถึง 4 เท่า นั่นเป็นเพราะว่าตามผิวหนัง และในน้ำลายของพวกแมวขนสีดำ หรือแมวขนสีเข้ม นั้นจะมีสารสำคัญในการก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่เรียกว่า Fel.d1 สะสมอยู่มากกว่าแมวขนสีอ่อน ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุให้หลายๆ คนเชื่อว่าแมวดำจะความโชคร้ายมาให้นั่นเอง
4. การที่เชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิต เราคงได้ยินบ่อยๆ เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าแมว มี 9 ชีวิต เพราะว่าถูกเล่าขานมาเป็นตำนานต่างๆกันออกไปทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบยุโรป เอเชีย อเมริกา หรือแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศอียิปต์ที่นับถือว่า แมวเป็นตัวแทนของเทพเจ้าเลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ผู้คนต่างคิดว่าแมวมี 9 ชีวิตนั้น อาจจะเกิดจาก ลำตัวของแมวมีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้สามารถกระโดดจากที่สูงได้โดยไม่บาดเจ็บเลย และแมวก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยอยู่กับผู้คนก็แค่นั้นเอง
5. การที่เชื่อว่าแมวสามารถลงพื้นได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง ต้องบอกก่อนว่าถึงแม้แมวจะมีร่างกายที่ยืดหยุ่นสูง แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะกระโดดลงจากที่สูงลงมาได้อย่างปลอดภัยเสมอไป เพราะแมวก็มีสิทธิ์พลาด และพลั้งเผลอตกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวได้เช่นกัน ดังนั้นในบางครั้งแมวก็มีโอกาสเกิดบาดแผล และเกิดอาการบาดเจ็บได้เช่นกันครับ
6. การที่เชื่อว่าเสียงครางของแมว นั้นหมายถึงแมวกำลังมีความสุข การที่แมวทำเสียงครางนั้นเพราะเป็นเสียงแรกที่แมวสามารถทำได้ ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะในขณะนั้นพวกมันไม่สามารถทำเสียงสูง หรือเสียงต่ำได้ จึงทำให้คุณได้ยินเสียงครางออกบ่อย ๆ และเข้าใจว่าแมวกำลังมีความสุขนั่นเอง ดังนั้นเสียงครางจึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันกำลังมีความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะกำลังสื่อสารให้คุณรู้ว่าพวกมันกำลังป่วย หรือบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้ นั่นคือสิ่งที่เราควรรู้เอาไว้ก่อน
7. การที่เชื่อว่าแมวไม่ชอบน้ำ คงคิดว่าแมวทุกตัวจะกลัวน้ำ หรือไม่ชอบน้ำเสมอไป แต่ความจริงแมวบางตัวก็ชอบเล่นน้ำเหมือนกัน อย่างเช่นแมวสายพันธุ์ เตอร์กิชแวน ที่รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาว่า "Swimming cat" เลยทีเดียว แต่การที่เราไม่ค่อยเห็นแมวเข้าใกล้วน้ำสักเท่าไหร่ ก็เพราะแมวคิดว่ามันไม่ควรทำให้ตัวเองเปียก เพื่อแลกกับปลาตัวเล็กๆ ในสระว่ายน้ำ และทั้งๆที่มีอาหารจานใหญ่รออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นเอง
8. การที่เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์หากินกลางคืน คงเป็นเพราะสายตาของแมวสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ผ่านทางแสงสว่างที่มีอยู่น้อยๆได้ หรือความมืดในกลางคืนได้ดีกว่าแสงสว่างในตอนกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาโพล้เพล้ หรือใกล้ค่ำ จะเป็นเวลาที่เหมาะกับการล่าเหยื่อมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าแมวจะสามารถมองเห็นแม้ในที่มืดสนิทได้หรอกนะ ดังนั้นจึงไม่ควรด่วนสรุปว่าแมวเป็นสัตว์ที่หากินตอนกลางคืน
9. การที่เชื่อว่าแมวชอบความสันโดษ จะเห็นว่าแมวจะได้อยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนสัตว์ชนิดอื่นๆ แต่พวกมันก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน หรือบริเวณใกล้ๆเคียงกันกับแหล่งอาหารของพวกมันนั่นเอง โดยเฉพาะแมวเพศผู้ที่มีอายุประมาณ ปีครึ่งขึ้นไป ก็จะออกไปหากินตัวเดียวมากกว่าแมวเพศเมีย ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้แมวที่คุณเลี้ยงต้องหนีออกไปอยู่นอกบ้าน ก็ควรจะเลี้ยงแมวตั้งแต่พวกมันอายุเพียง 8 - 10 เดือนเท่านั้น และควรจะเลี้ยงตั้งแต่สองตัวขึ้นไป ก็จะทำให้พวกมันมีนิสัยอยู่ติดบ้านมากกว่า เลี้ยงแมวที่มีอายุ หรือเลี้ยงแมวแค่เพียงตัวเดียว
เราจากที่เราได้เรียนรู้ว่าแมวมีความลับอะไรบ้าง จากเมื่อก่อนที่มีความคิดผิดๆ เดี๋ยวนี้สามารถพิสูจน์พฤติกรรมของแมวได้ง่ายเช่นกัน เพื่อนๆหลายคนคงอยากจะ เลี้ยงแมว สักตัวแล้วใช่ไหมครับ หวังว่าบทความนี้ที่นำมา จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ เหมือนกันนะครับ
เพื่อนๆที่ชอบแมว หรือเลี้ยงแมวเป็นชีวิตจิตใจแล้ว เคยสังเกตุอาการ หรือ เรียนรู้พฤติกรรม ของแมวหรือไม่ครับ หลังจากที่เคยพูดถึงเรื่อง วิธีเรียนรู้พฤติกรรมและลักษณะของแมว ไปแล้ว วันนี้จะมาเสริมต่อในเรื่องของ รู้หรือไม่ แมวก็มีความลับที่คุณอาจจะไม่รู้เหมือนกัน เรามาเรียนรู้ด้วยกันเลยครับ ว่าแมวมีความลับอะไรไม่บอกเราบ้าง
1. การที่เราเชื่อว่าแมวจะขโมยลมหายใจของทารก ในความเป็นจริงแล้ว ต้องบอกว่าแมวไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ กับทารกของคุณหรอกหรือเจตนาไม่ดีกับใครเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ว่าพวกมันชอบหาที่อบอุ่นๆ และสบายๆ นอนก็เท่านั้นเอง เชื่อหรือไม่ว่าลมหายใจของทารกเป็นอุณหภูมิที่แมวต้องการพอดี ดังนั้นเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้แมวชอบเข้าไปคลุกคลีกับทารกอยู่บ่อยๆ เท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้คุณก็ไม่ควรให้แมวเข้าใกล้ทารกของคุณมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้เด็กติดเชื้อโรค หรืออาจจะทำให้ทารกเกิดภูมิแพ้ขึ้นมาก็ได้
2. การที่เชื่อว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเลี้ยงแมว การที่ผู้หญิงตั้งครรภ์นั้นไม่ควรสัมผัสตัวแมว หรือทำอะไรเกี่ยวกับแมวบ่อยนัก ก็เพราะว่าอาจจะทีโอกาสติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสจากแมวได้ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก ซึ่งหากทารกติดเชื้อก็อาจจะทำเกิดอาการสมองบวมน้ำ ประสาทตาอักเสบ หรืออารมณ์ผิดปกติ เป็นอันตรายได้เหมือนกัน ฉะนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวแมว และของใช้ที่เกี่ยวกับแมวทั้งหมดเลยจะดีกว่า
3. การที่เชื่อว่าแมวดำคือสัญลักษณ์ของความโชคร้าย แปลกมากเพราะจากผลการสำรวจผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ในปี 2000 พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่ เกิดจากการสัมผัสกับแมวสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมากกว่าแมวขนสีอ่อนๆ ถึง 4 เท่า นั่นเป็นเพราะว่าตามผิวหนัง และในน้ำลายของพวกแมวขนสีดำ หรือแมวขนสีเข้ม นั้นจะมีสารสำคัญในการก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่เรียกว่า Fel.d1 สะสมอยู่มากกว่าแมวขนสีอ่อน ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุให้หลายๆ คนเชื่อว่าแมวดำจะความโชคร้ายมาให้นั่นเอง
4. การที่เชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิต เราคงได้ยินบ่อยๆ เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าแมว มี 9 ชีวิต เพราะว่าถูกเล่าขานมาเป็นตำนานต่างๆกันออกไปทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบยุโรป เอเชีย อเมริกา หรือแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศอียิปต์ที่นับถือว่า แมวเป็นตัวแทนของเทพเจ้าเลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ผู้คนต่างคิดว่าแมวมี 9 ชีวิตนั้น อาจจะเกิดจาก ลำตัวของแมวมีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้สามารถกระโดดจากที่สูงได้โดยไม่บาดเจ็บเลย และแมวก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยอยู่กับผู้คนก็แค่นั้นเอง
5. การที่เชื่อว่าแมวสามารถลงพื้นได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง ต้องบอกก่อนว่าถึงแม้แมวจะมีร่างกายที่ยืดหยุ่นสูง แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะกระโดดลงจากที่สูงลงมาได้อย่างปลอดภัยเสมอไป เพราะแมวก็มีสิทธิ์พลาด และพลั้งเผลอตกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวได้เช่นกัน ดังนั้นในบางครั้งแมวก็มีโอกาสเกิดบาดแผล และเกิดอาการบาดเจ็บได้เช่นกันครับ
6. การที่เชื่อว่าเสียงครางของแมว นั้นหมายถึงแมวกำลังมีความสุข การที่แมวทำเสียงครางนั้นเพราะเป็นเสียงแรกที่แมวสามารถทำได้ ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะในขณะนั้นพวกมันไม่สามารถทำเสียงสูง หรือเสียงต่ำได้ จึงทำให้คุณได้ยินเสียงครางออกบ่อย ๆ และเข้าใจว่าแมวกำลังมีความสุขนั่นเอง ดังนั้นเสียงครางจึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันกำลังมีความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะกำลังสื่อสารให้คุณรู้ว่าพวกมันกำลังป่วย หรือบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้ นั่นคือสิ่งที่เราควรรู้เอาไว้ก่อน
7. การที่เชื่อว่าแมวไม่ชอบน้ำ คงคิดว่าแมวทุกตัวจะกลัวน้ำ หรือไม่ชอบน้ำเสมอไป แต่ความจริงแมวบางตัวก็ชอบเล่นน้ำเหมือนกัน อย่างเช่นแมวสายพันธุ์ เตอร์กิชแวน ที่รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาว่า "Swimming cat" เลยทีเดียว แต่การที่เราไม่ค่อยเห็นแมวเข้าใกล้วน้ำสักเท่าไหร่ ก็เพราะแมวคิดว่ามันไม่ควรทำให้ตัวเองเปียก เพื่อแลกกับปลาตัวเล็กๆ ในสระว่ายน้ำ และทั้งๆที่มีอาหารจานใหญ่รออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นเอง
8. การที่เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์หากินกลางคืน คงเป็นเพราะสายตาของแมวสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ผ่านทางแสงสว่างที่มีอยู่น้อยๆได้ หรือความมืดในกลางคืนได้ดีกว่าแสงสว่างในตอนกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาโพล้เพล้ หรือใกล้ค่ำ จะเป็นเวลาที่เหมาะกับการล่าเหยื่อมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าแมวจะสามารถมองเห็นแม้ในที่มืดสนิทได้หรอกนะ ดังนั้นจึงไม่ควรด่วนสรุปว่าแมวเป็นสัตว์ที่หากินตอนกลางคืน
9. การที่เชื่อว่าแมวชอบความสันโดษ จะเห็นว่าแมวจะได้อยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนสัตว์ชนิดอื่นๆ แต่พวกมันก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน หรือบริเวณใกล้ๆเคียงกันกับแหล่งอาหารของพวกมันนั่นเอง โดยเฉพาะแมวเพศผู้ที่มีอายุประมาณ ปีครึ่งขึ้นไป ก็จะออกไปหากินตัวเดียวมากกว่าแมวเพศเมีย ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้แมวที่คุณเลี้ยงต้องหนีออกไปอยู่นอกบ้าน ก็ควรจะเลี้ยงแมวตั้งแต่พวกมันอายุเพียง 8 - 10 เดือนเท่านั้น และควรจะเลี้ยงตั้งแต่สองตัวขึ้นไป ก็จะทำให้พวกมันมีนิสัยอยู่ติดบ้านมากกว่า เลี้ยงแมวที่มีอายุ หรือเลี้ยงแมวแค่เพียงตัวเดียว
เราจากที่เราได้เรียนรู้ว่าแมวมีความลับอะไรบ้าง จากเมื่อก่อนที่มีความคิดผิดๆ เดี๋ยวนี้สามารถพิสูจน์พฤติกรรมของแมวได้ง่ายเช่นกัน เพื่อนๆหลายคนคงอยากจะ เลี้ยงแมว สักตัวแล้วใช่ไหมครับ หวังว่าบทความนี้ที่นำมา จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ เหมือนกันนะครับ
รู้หรือไม่ สุนัขของท่านหาวทำไม
เขียนโดย
Unknown
on วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ป้ายกำกับ:
ทำไมสุนัขต้องหาว,
สุนัขหาว,
หมาหาว
/
Comments: (0)
รู้หรือไม่ สุนัขของท่านหาวทำไม???
สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัข คงเคยสังเกตุเห็นอาการหาวของ สุนัข ของท่าน หรือสุนัขตามท้องถนนทั่วไป แล้วใช่ไหมครับ แล้วเคยคิดบางไหมว่าทำไมมันถึงหาว ผมเชื่อว่าสิ่งแรกที่ทุกคนคิดเหมือนกันก็คือ มันง่วง ไม่ต่างอะไรจากคนหรอก ใช่ไหมครับ แต่วันนี้เรามีคำตอบมาให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันครับว่า ทำไมสุนัขถึงหาว จะเป็นอย่างที่คุณคิดหรือไม่ มาเลยครับจากการวิจัยจากวิทยาลัยเบิร์กเบ็ค ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ทำการศึกษาสุนัขหลายตัวหลายเผ่าพันธ์ด้วย กันทั้งสิ้น 29 ตัว และพบว่า มีสุนัขถึง 72% ที่อ้าปากหาว หลังจากเห็นคนหาวนอน โอ้แม่เจ้า มันเลียนแบบพฤติกรรมของเรา หรือเนี่ย!! แล้วทางกลุ่มนักวิจัยก็ยังรู้สึกว่า เรื่องนี้เป็นความรู้ใหม่ เพราะนอกจากที่พวกเราเคยคิดกันไว้ว่า มีแต่มนุษย์และลิงชิมแปนซีเท่านั้น ที่สามารถ หาว เพราะเห็นคนอื่นหาวได้ ตอนนี้ สุนัข ตัวน้อยๆของท่าน ก็น่าจะมีความสามารถในการเรียนรู้ และเลียนแบบพฤติกรรมนี้ของมนุษย์เราได้เหมือนกัน
ตอนนี้เราก็รู้แล้วใช่ไหมครับว่าทำไม สุนัขหาว มันหาวเพราะอะไรไม่ต้องสงสัยกันแล้วใช่ไหมครับ อีกหน่อยถ้ามันเลียนแบบพฤติกรรมของเราได้ แล้วอนาคตมันจะเรียกชื่อเราได้ไหมเนี่ย น่าคิดน่ะครับ @^_^@